อินเดีย ‘ล็อกดาวน์’ ทั้งประเทศ 21 วัน ห้ามประชาชนออกนอกบ้าน หวังสกัดโควิด-19 โมดีเตือนหากรับมือไม่ดีอินเดียอาจถอยหลัง 21 ปี
.
อินเดียซึ่งมีประชากร 1.3 พันล้านคน เริ่มเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์ทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา (25 มกราคม) และจะมีผลบังคับเป็นเวลา 21 วัน โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้ประกาศห้ามชัดเจนไม่ให้ประชาชนออกนอกบ้าน เพื่อชะลอการระบาดของโควิด-19 หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับประเทศอื่นๆทั่วโลก
.
แม้โมดีขอให้ประชาชนอย่าแตกตื่น แต่ดูเหมือนไม่ได้ผล เมื่อประชาชนในหลายเมือง รวมถึงเดลี เมืองหลวง ได้แห่ทะลักเข้าห้างและร้านค้าเพื่อซื้อของใช้จำเป็น และอาหารกักตุนจนเกลี้ยงชั้นวาง
.
ที่ผ่านมาอินเดียพบผู้ติดเชื้อ 519 ราย และเสียชีวิต 10 ราย ซึ่งแม้ไม่ใช่ยอดที่สูงนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ระบาดหนัก แต่ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นในอัตราก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งทำให้รัฐบาลไม่อาจอยู่เฉย และต้องประกาศใช้กฎเคอร์ฟิว 14 ชั่วโมงไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นบททดสอบความพร้อมของอินเดียในการรับมือกับไวรัส เพื่อให้ประชาชนในวงกว้างเว้นระยะห่างทางสังคม แต่ก็ไม่ได้ผลนัก
.
ถึงแม้โมดียืนยันว่ายังไม่พบสัญญาณการแพร่ระบาดของโรคในระดับชุมชน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ที่ผ่านมาทางการอาจไม่ได้ตรวจไวรัสให้กับประชาชนมากพอจนสามารถรู้ขอบเขตของการระบาดที่แท้จริง
.
ผู้นำอินเดียชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศว่า เพื่อช่วยอินเดียและประชาชนทุกคนให้ปลอดภัยจากไวรัส พร้อมเตือนว่า หากอินเดียไม่สามารถรับมือกับ 21 วันนี้ให้ดีได้ อินเดียอาจถอยหลังกลับไป 21 ปี
.
“นี่เป็นภาวะเคอร์ฟิว มันมีราคาที่ต้องจ่ายไปกับสิ่งนี้ แต่มันเป็นความรับผิดชอบของทุกๆ คน” โมดี กล่าว
.
ภายใต้มาตรการดังกล่าว ประชาชนทุกคนจะต้องอยู่แต่ในบ้าน ขณะที่ภาคบริการที่ไม่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงการขนส่งสาธารณะ และห้างสรรพสินค้าก็ต้องปิดทำการด้วย
.
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวของ BBC รายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ทางการอนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านเพื่อซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นหรือไม่ แต่ในประกาศของทางการอนุญาตให้ร้านอาหาร ร้านขายของชำ ร้านขายผักผลไม้ และเนื้อสัตว์เปิดทำการได้ตามปกติ แต่ส่งเสริมให้ประชาชนเลือกวิธีการส่งสินค้าไปที่บ้านหรือเดลิเวอรี รวมถึงการซื้ออาหาร ยา และอุปกรณ์การแพทย์ก็ให้ทำผ่านระบบอีคอมเมิร์ซแทน เพื่อลดการเคลื่อนไหวของประชาชนนอกบ้าน
.
ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เช่นเดียวกับงานบริการสาธารณะที่จำเป็น เช่น การไฟฟ้า การประปา แต่ให้ลดจำนวนคนทำงานลงเหลือเท่าที่จำเป็น นอกนั้นให้ทำงานจากบ้านแทนขณะที่โรงพยาบาลและคลินิกทั้งของรัฐและเอกชนยังเปิดให้บริการตามเดิม